รู้ไว้ใช่ว่า…ก่อนนำเข้าโคมไฟ Stage Lighting ต้องผ่านด่านทดสอบอะไร? 

รู้หรือไม่ว่า กว่าโคมไฟที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในงานคอนเสิร์ตหรืออีเว้นท์ในไทย ต้องผ่านการตรวจสอบด้านใดบ้างก่อนที่จะได้รับการรับรอง มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และแต่ละข้อมีข้อดีกับการทำงานของเราอย่างไร?

หลายคนอาจคุ้นเคยกับ มอก. กันอยู่แล้ว เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำวันรอบๆตัวเราส่วนใหญ่ ล้วนต้องได้รับการรับรองจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) โคมไฟที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในงานคอนเสิร์ตหรืออีเว้นท์ในไทยก็เช่นกัน

อุปกรณ์โคมไฟต่างๆที่ใช้ในอุตสาหกรรมบันเทิงของเรา ส่วนใหญ่แล้วเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีสูงจากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นจากประเทศในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา หรือจีน ซึ่งประเทศต่างๆเหล่านี้ ล้วนมีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด เพื่อลงตรามาตรฐานอุตสาหกรรมตามหลักสากลในแต่ละภูมิภาคนั้นๆอยู่แล้ว อาทิ CE cETLus อย่างไรก็ตามเมื่อมีการนำเข้าเพื่อจำหน่ายหรือใช้งานข้ามประเทศหรือภูมิภาค หลายประเทศก็มีมาตรฐานเฉพาะที่อาจไม่เหมือนกับประเทศผู้ผลิต ซึ่งจะต้องมีขั้นตอนในการตรวจรับรองซ้ำไม่ต่างกับประเทศไทย

สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (Thai Industrial Standards Institute หรือ TISI) ดำเนินการตรวจสอบผลิตภัณฑ์โคมไฟประเภท Stage Lighting ทั้งที่เป็นแบบ Moving Light และแบบทั่วไป โดยครอบคลุมหลายประเด็นสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ และมีความปลอดภัยในการใช้งาน ได้แก่:

1. การตรวจสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้า: ตรวจสอบว่าอุปกรณ์มีการป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า ประโยชน์ของข้อนี้คือ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน ในอุตสาหกรรมของเรา ข้อนี้ช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยต่อผู้ที่ต้องสัมผัส จับ ใกล้ชิดกับอุปกรณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เช่น Lighting Crews หรือ Production Crews ระหว่างที่ทำการติดตั้งอุปกรณ์ เป็นต้น

2. การตรวจสอบความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC): ข้อนี้มีความสำคัญมากสำหรับการทำงานร่วมกันของระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แสง เสียง ภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดทางเทคนิคในงานคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ทุกๆงาน โดยเป็นการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไม่ก่อให้เกิดการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้ากับอุปกรณ์อื่นๆ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่มีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า โดยแบ่งออกเป็น:

    • Emission Testing: การตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไม่ปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเกินค่าที่กำหนด
    • Immunity Testing: การทดสอบความสามารถของอุปกรณ์ในการทนต่อการรบกวนจากคลื่นภายนอก
    • Radiated Emission Testing: ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไม่ปล่อยคลื่นวิทยุที่อาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์สื่อสารอื่น
    • Conducted Emission Testing: ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไม่ส่งคลื่นรบกวนผ่านสายไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์อื่น

3. การตรวจสอบประสิทธิภาพพลังงาน: ตรวจสอบว่าอุปกรณ์มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและไม่สิ้นเปลืองพลังงาน

4. การตรวจสอบความทนทานและความเสถียร: ตรวจสอบว่าอุปกรณ์มีความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาวและสามารถทำงานได้อย่างเสถียรในสภาพแวดล้อมต่างๆ ข้อนี้สัมพันธ์กับข้อ 1. และ 2. เพราะงานของเราต้องใช้อุปกรณ์ในสภาพที่อยู่ในความร้อนสูงทั้งตัวโคมเอง และสภาพแวดล้อมของสถานที่จัดงานเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 8 – 10 ชั่วโมง

5. การตรวจสอบคุณภาพแสง: ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ให้แสงสว่างที่มีคุณภาพ เช่น ความสว่าง, สีของแสง และการกระจายแสงตามคุณสมบัติที่ระบุไว้ในสเปกของอุปกรณ์ ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่นำมาตรวจสอบ ไม่ได้กล่าวอ้างเกินจริงจากผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า

โดยสรุป ข้อดีของการได้รับการรับรองจาก สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (TISI) นั้น เป็นการยืนยันว่าอุปกรณ์ที่นำเข้ามามีคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมายจากการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการรับรอง อีกทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทในสายตาของลูกค้า คู่ค้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลดีต่อทั้งภาพลักษณ์แบรนด์และความปลอดภัยของงานที่จัดขึ้น