หยุดเรียกพวกเราว่า “ไฟบีม”

Beam, Spot, Profile และ Wash Moving Head ต่างกันอย่างไร ??? 

ในการให้แสงสำหรับเวที ไม่ว่าจะเป็คอนเสิร์ต หรือโชว์ประเภทต่างๆ มักจะได้ยินใครๆเรียก Moving Light ว่า “ไฟ บีมอยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นว่า Moving Light ชนิดไหนก็ตามที่หมุนได้ ขยับได้ หลายคนก็เหมารวมว่าเป็นไฟบีมไปหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเราต่างกัน Moving Lights ไม่ได้มีแค่ประเภทเดียวและทุกดวงก็ไม่ใช่ไฟ BEAM 

Moving Light / Moving Head ไฟหมุนหัว ที่อาจเคยทำให้หลายคนหัวหมุน คือไฟที่สามารถขยับหัวไปได้ทั้งในแนวตั้ง (Tilt) และแนวนอน (Pan) ทำให้ลำแสงเคลื่อนที่ไปตามตำแหน่งต่างๆ ได้ตามที่โปรแกรมไว้ เป็นไฟที่มีความยืดหยุ่นสูงในการใช้งาน ทั้งในเรื่องของการเปลี่ยนตำแหน่งแสง การสร้างเอฟเฟกต์ เปลี่ยนสีต่างๆ อย่างไรก็ตาม โคมไฟ Stage Lighting ทั้งหลาย ไม่ว่าไฟดวงนั้นจะเป็นมูฟวิ่งไลท์หรือไม่ ล้วนถูกแบ่งแยกตามลักษณะของลำแสงและฟังก์ชันการใช้งาน มีประเภทหลักๆ ได้แก่ Beam / ProfileSpot / Wash ดังนั้น การเลือกชนิดของไฟ จะต้องใช้ให้คุณลักษณะของแสงตอบโจทย์ในงานการแสดงนั้นๆ ที่สุด 

แล้ว Beam, Spot, Profile และ Wash Moving Head ต่างกันอย่างไร ??

ไฟ BEAM 

Beam (บีม) เป็นชื่อเรียกที่มาจากลักษณะที่เด่นที่สุดของลำแสงคือการมีลำแสงที่แคบที่สุดในบรรดาไฟทั้งหมดที่กล่าวมา บีมที่ถูกต้อง เมื่อบีบลำแสงให้แคบที่สุดแล้ว ควรจะอยู่ใระหว่าง 2-5 องศา   

ภาพประกอบ2

ลำแสงจึงจะมีลักษณะพุ่งตรง มีความคมเข้ม เห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อใช้ในงานที่มีหมอกหรือควันจากเครื่องปล่อยสโมค (Smoke / Haze Machine) เป็นเอฟเฟกต์แสงที่ดูแรง ดุดัน เป็นเส้นสายที่ลอยเด่นอยู่ในในอากาศ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่น อาทิ เปลี่ยนสีสัน เล่นลวดลายได้ เมื่อใช้รวมกันหลายๆ ตัวจะเหมาะกับโชว์ที่ต้องการความอลังการและไดนามิก เช่น คอนเสิร์ต EDM หรืองานเปิดตัวที่ต้องการความ “ว้าว”ทันที 

แม้ไฟบีมจะมีคุณสมบัติที่ดีมากมาย แต่ไฟบีมก็ไม่ได้เหมาะกับการให้แสงทุกอย่างบนเวที แม้ว่าไฟบีมอาจจะเหมาะกับการสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับโชว์ แต่ไม่เหมาะกับการใช้ย้อมแสงไปยังวัตถุ ฉาก หรือใช้เป็นไฟหลัก (Front Light) ส่องนักแสดงหรือผู้คนบนเวที ด้วยความที่มีลำแสงเข้มจ้าแสบตา มีฮอตสปอต (Hotspot) วงแสงแคบเกินไป และอาจมีสีสันให้เลือกใช้น้อย เพราะส่วนใหญ่เป็นไม่ได้เป็นแบบผสมสี ทำให้ย้อมฉากไม่เนียนสวย ลวดลายโกโบ้ (GOBO) จากไฟบีมมักจะดูสวยดีเมื่อใช้เป็นแสงสีที่ลอยในอากาศ แต่อาจไม่เหมาะกับการโฟกัสลงไปบนฉากในงานประเภทละครเวที เพราะไม่สามารถเล่าเรื่องราว และไม่สามารถปรับความคมชัดได้  ดังนั้น เรามักจะเห็นไฟบีมเป็น Back Light หรือส่องจากทิศทางเข้าหาคนดูเป็นส่วนใหญ่ 

ไฟ SPOT และ PROFILE 

Spot (สปอต) และ Profile (โปรไฟล์) คือไฟที่ให้ลำแสงขนาดกลาง มีมุมลำแสงกว้างกว่าไฟบีม ทั้งสองชนิดนี้ต่างประเทศจะเรียกรวมว่าประเภท Hard-Edged (ฮาร์ดเดจด์) หรือแปลตรงๆ ตามคุณสมบัติหลักคือสามารถโฟกัสให้วงแสงที่ตกลงบนพื้นใดๆ คมชัดได้ และยังปรับให้ฟุ้งๆ เบลอๆ มากน้อย ตามใจ Lighting Designer หรือผู้ออกแบบแสงได้เพราะเป็นไฟที่มีเลนส์หลายชิ้นอยู่ในโคมไฟสปอตและโปรไฟล์ สามารถฉายภาพลวดลายต่างๆ ที่สวยงามเพื่อสร้างซีนบอกเล่าเรื่องราว หรือสร้างพื้นผิวจำแลง (Texture)

Photo Credit : Rosco and Vectorworks 

และด้วยความที่มีโกโบ้และกลไกเอฟเฟกต์ต่างๆ ในโคม อาทิ ปริซึม, ซูม, อนิเมชั่น, การผสมสี ทำให้การสร้าง Mid Air Effect หรือการเล่นลวดลายในอากาศก็ทำได้อย่างอลังการเช่นเดียวกับไฟบีม แต่ด้วยลำแสงที่กว้างกว่า

ำหรัไฟประเภทปรฟล (Profile) นั้ มีคณสมบัติของแสงเช่นเดียวกับ อต ั้งหมด แต่พิ่ฟังก์ชันขอ Framming (เฟรมมิ่ง) หรือการตัขอบวงกลของสงด้วย ่นชัอร์ (Shutter Blade) ในคม เพื่อให้็นขอเหลี่ย้อไปตามูปร่างของฉาหรือพื้นที่การแสดพื่อควบคุมไมใหวงแสงส่วนเกินลอดไปเื้อนบริเอื่น ที่ไม่ต้องการ 

Photo Credit : Robe Lighting  

ไฟตระกูลนี้ จัเป็ไฟที่ำเป็ต้องมีในทุกโชว์ที่ีเรียสบการใหแสบนพื้นที่ฉาก เวที และนักแสดง อาทิ งานละครเวที งานที่มีการใช้กล้องจับภาพสดขึ้นจอ บรอดคาสติ้ง งาน MICE  อีเว้นท์ ประชุมสัมมนา เพราะตอบโจทย์ได้ทุกฟั์ชั่นในแง่ของคุณภาพแสง ไม่ว่าจะใช้เป็นไฟฟร้อนท์ (Front Light) ส่องผู้คน, ไฟส่องฉาก, สร้างลวดลายเรื่องราว บนพื้นที่ต่างๆ ไฟแบ็ค (Back Light) เพื่อไฮไลท์นักแสดงหรือผู้พูดบนเวทีด้วยริมไลท์ (Rim Light) ให้ดูไม่แบน มีมิติเด่นออกมาจากฉากหลัง และใช้เป็นไฟเอฟเฟกต์เส้นสายลวดลายเพิ่มความตื่นตาตื่นใจงานดนตรีได้เช่นกัน  

ไฟ Wash    

Wash (วอช) โดเด่นถ้าเน้นงานย้อม ุณสมบัติของแสงจากไฟวอช คือต้องผสมสีได้หลากหลาย มีลำแสงที่ค่อนข้างกว้างกว่าประเภทอื่น แต่ให้แสงที่นุ่ม นวลเนียน ฮอตสปอตน้อย ไม่ค่อยเป็นจ้ำ ไฟชนิดนี้ต่างประเทศจะเรียกว่าประเภท Soft-Edged (ซอฟด์) มีหลายคนสงสัยว่าไฟประเภทนี้มีความจำเป็นด้วยหรือ? ก็ในเมื่อมีไฟสปอตหรือโปรไฟล์อยู่แล้ว ลวดลยอะไรก็ไม่มี?? คำตอบคือมีแล้วมันดีกว่าเพราะจะช่วยสร้างมิติของเวทีและโชว์ให้ดีขึ้น ไฟวอช ไม่ได้ถูกใช้พื่องานย้อมเปลี่ยนสีฉากเท่านั้น แต่มีความสำคัญอย่างมากในการสร้าง Ambience หรือบรรยกาศโดยรวมให้กับพื้นที่เวที ปูแสงสี ให้ตัดกันหรือส่งเสริมกันกับไฟลวดลายเส้นแสงเช่นไฟบีมและไฟสปอต ตัวอย่างเช่น ใน งานละคใช้แสงไฟวอชสีน้ำเงินปูไปทั่วเวที แล้วใช้ไฟสปอตใส่ลายโกโบ้เป็นช่องหน้าต่างลงบนพื้นหรือฉาก สร้างบรรยากาศในห้องในบ้านตอนกลางคืน  

Photo Credit  : The University of Texas at Austin Oscar Brockett Theatre 

หรือคอนเสิร์ตที่ใช้ไฟวอชปูสีของทั้งเวทีให้ตัดกับสีจากแสงของไฟบีมก็จะยิ่งเพิ่มความสวยงามตื่นตาตื่นใจมากขึ้น ไฟวอชเพื่อสร้าง Ambience มักจะถูกวางเป็นไฟที่ให้แสงจากด้านข้าง หรือจากเหนือหัวจนค่อนไปทางด้านหลังเวที  

พวกเราทั้ง BEAM / SPOT / PROFILE / WASH มีเอกลักษณ์เฉพาะ และต่างทำหน้าที่ในโชว์ให้สมบูรณ์ที่สุด 
ถ้าจะเรียกชื่อรวมก็อยากให้เรียกว่า Intelligent Light หรือ “ไฟฉลาด” ดีกว่าน 
(แม้สุดท้ายคนที่ฉลาดที่สุดก็คือ Lighting Designer ที่รู้จักใช้พวกเราให้เหมาะสมกับงานนั่นแหละ!)  

ติดตามภาคต่อเร็วๆ นี้ บทความที่เกี่ยวข้องกับพวกเรา Intelligent Light  Hybrid moving head  เจ้าชายเลือดผสมที่เกิดมาเพื่อเป็นซูเปอร์ฮีโร่??   

#ไลท์สาระ #ไลฟ์สาระ #หิวแสง #ไลท์ซอร์ส #lightdutainment #livedutainment #Inlightwelit  

#moving_light #moving_head #intelligent_light #lightingdesign #stagelighting #stagelightingdesign  

#lighingequipment #Lightsource_th #lightsource